พิธีหลังน้ำพระพุทธมนต์และปราสาทพร
พิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์และปราสาทพร
เห็นเจ้าสาวญาติคนสนิทของเรานั่งก้มศีรษะรับน้ำสังข์อยู่บนตั่งคู่กับเจ้าบ่าว พร้อมพนมน้อมรับคำอวยพรจากผู้ใหญ่ที่ทยอยกันเดินเข้ามารับหอยสังข์ขนาดเหมาะมือ ซึ่งบรรจุน้ำพระพุทธมนต์ แล้วบรรจงหลั่งลงบนมือของคู่บ่าวสาวแบบนี้อดรู้สึกตื้นตันแทนไม่ได้ค่ะ ก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กนี่คะ เผลอแป๊บเดียว แต่งงานก่อนเราซะได้”
พิธีศักดิ์สิทธิ์อย่าง พิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์และปราสาทพร หรือที่ใคร ๆ เรียกกันจนติดปากว่า พิธีรดน้ำสังข์ นั่นล่ะค่ะ ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ถูกต้องนะคะ เพราะคำว่า รดน้ำ จะใช้กันในงานที่ไม่เป็นมงคลเท่านั้น ในสมัยโบราณพิธีแต่งงานจะมีทั้ง พิธีหลั่งน้ำสังข์ให้พร และ พิธีซัดน้ำ ซึ่งถือเป็นขั้นตอนเดียวกัน พิธีการนี้พระสงฆ์จะเป็นผู้ทำพิธีโดยการตักน้ำมนต์ในบาตร ซัดสาดใส่คู่บ่าวสาว บรรดาเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาว จะแกล้งนั่งห้อมล้อมอยู่ให้ทั้งคู่นั่งเบียดชิดกัน ซึ่งบางทีก็ซัดน้ำจนเปียกปอนไปตาม ๆ กัน พอตอนหลังพิธีซัดน้ำนี้ได้ค่อย ๆ หายไปเพื่อให้งานกระชับขึ้น จึงเหลือแต่เพียง พิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์และปราสาทพร เพียงอย่างเดียวสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน
ในปัจจุบัน พิธีจะกระทำหลังจากพิธีขันหมากเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่พิธียกขันหมากจะทำช่วงเช้า ประมาณ 7-8 โมง ใช้เวลาทำพิธีประมาณ 1-2 ชั่วโมงก็เสร็จค่ะ ซึ่งเราอาจจะเริ่มขั้นตอนการทำพิธีสงฆ์ประมาณ 10 โมงครึ่ง เพื่อให้ทันพระท่านฉันเพลตอน 11 โมงค่ะ




การนิมนต์พระ จะนิมนต์พระสงฆ์จำนวน 9 รูป เพราะถือว่าเป็นเลขมงคลตามความเชื่อของคนไทยและเมื่อพระสงฆ์มาถึงพิธีจะเริ่มขึ้นที่ เจ้าบ่าวและเจ้าสาวจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย จากนั้นพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ ต่อมาก็จะมีการถวายภัตตาหารเพลร่วมกัน ซึ่งระหว่างที่พระท่านกำลังฉันอาหารเพลนี้นะคะ ทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็สามารถพักผ่อน หรือเดินทักทายกับแขกได้ค่ะ
หลังจากที่พระท่านฉันเสร็จ จะถวายเครื่องไทยธรรมร่วมกัน พระสงฆ์อนุโมทนา บ่าวสาวกรวดน้ำ แล้วจึงรับน้ำพระพุทธมนต์ พระผู้ใหญ่ที่นิมนต์มาทำพิธีในวันนั้น จะเป็นผู้เจิมให้กับคู่บ่าวสาวโดยใช้แท่งเทียนจุ่มแป้งเพื่อเจิมให้กับทั้งคู่ เป็นจุดสามเหลี่ยม 3 จุด บริเวณหน้าผากของทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาว ซึ่งการที่ใช้แท่งเทียนแทนนิ้วมือในการเจิมนี้ ก็เพื่อป้องกันการถูกเนื้อต้องตัวเจ้าสาวนั่นเอง หลังจากทำพิธีเจิมเสร็จแล้วท่านจึงทำด้ายมงคลแฝดสวมศีรษะให้กับคู่บ่าวสาว ด้วยมงคลนี้จะเป็นด้ายสายสิญจน์ลักษณะเป็นวงกลม มีสายโยงห่างกัน 2 ศอกเศษ เรียบร้อยแล้วจึงเป็นเสร็จพิธีสงฆ์ค่ะ
ในส่วนของพิธีสงฆ์นี้ มีเรื่องควรรู้ก็คือ ถ้าเป็นฤกษ์หลั่งน้ำสังข์เป็นฤกษ์เช้า เราอาจจะเปลี่ยนจากเลี้ยงเพล เป็นเลี้ยงพระเช้าหรือตักบาตรร่วมกันแทนได้ค่ะ ส่วนเครื่องไทยทานหรือไทยธรรมที่ต้องถวายพระ จะเป็นของใช้ประจำวันของพระ นำมาจัดเป็นชุด ส่วนมากจะใส่ถาด จาน หรือขันน้ำให้และผูกโบว์สวยงาม แต่ถ้าเป็นเครื่องสังฆทานนั้น จะเพิ่มเติมพวกเครื่องดื่ม อาหารแห้ง และอาจจะเพิ่มผ้าอาบน้ำหรือสบงเข้าไปด้วยได้เช่นกัน
ที่นี้เมื่อฤกษ์มงคลหลั่งน้ำ คู่บ่าวสาวจะไปนั่งในที่ที่จัดไว้ ในพิธีจะมีตั่งสำหรับนั่งหรือจะปูพรมนั่งพื้นก็ได้ ขึ้นอยู่กับความสะดวกของผู้จัดงาน ให้ฝ่ายหญิงนั่งด้านซ้ายของฝ่ายชาย ด้านหน้าของทั้งคู่จะมีหมอนสำหรับรองมือและพานพุ่มดอกไม้สำหรับรับน้ำพระพุทธมนต์ นอกจากนี้ยังมีหอยสังข์ และยันบรรจุน้ำมนต์สำหรับเติม ส่วนเพื่อนเจ้าบ่าวเพื่อนเจ้าสาวก็จะยืนอยู่เบื้องหลัง ถือเป็นภาพประทับใจที่สวยงามอีกภาพหนึ่ง
จากนั้นผู้ใหญ่ที่มาเป็นประธาน ซึ่งอาจจะเป็นพ่อแม่ของคู่บ่าวสาวหรือผู้ใหญ่ที่ให้ความเคารพนับถือ จะเป็นผู้คล้องมาลัย ตามด้วยการสวมด้ายมงคลแฝดศีรษะของคู่บ่าวสาวผู้เป็นประธานจะเป็นผู้เริ่มพิธีหลั่งน้ำอวยชัยให้พรแล้วแขกที่ได้รับเชิญมาในงาน ต่างก็ทยอยกันเข้ามาหลั่งน้ำตามลำดับ หมดจากแขกแล้วก็จะถึงวงศาคณาญาติ
ครั้นพอหมดจากผู้หลั่งน้ำเรียบร้อยแล้ว จะเชิญผู้ใหญ่มาปลดด้ายมงคลออกจากศีรษะ ตรงนี้ถ้าปลดจากศีรษะใครก่อนเชื่อว่าต่อไปภายภาคหน้า ฝ่ายนั้นจะมีอำนาจมากกว่าอีกฝ่ายหนึ่งค่ะ ตรงนี้จะจริงเท็จแค่ไหนขึ้นอยู่กับความเชื่อของแต่ละบุคคล สำหรับพิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์และปราสาทพรนี้ ในปัจจุบันเจ้าภาพมักมีของแจกเล็ก ๆ น้อย ๆ แก่แขกตามสมควร เป็นอันเสร็จพิธีในวันนั้น
ส่วนน้ำมนต์ที่ใช้หลังจบพิธีแล้ว ก็จะนำน้ำที่หลั่งลงสู่ขันเงินหรือพานรอง มารดต้นไม้ใหญ่ในสวน เพื่อความเจริญมั่งคงของคู่บ่าวสาวต่อไปค่ะ
Email :
ข้อคิดเห็น :
รหัสป้องกันสแปม :
เพิ่มข้อคิดเห็น